เนื้อเรื่องย่อ : ถึงแม้ว่า
ซัง รียอง (Sung-ryong) เคยเป็นเด็กผู้ชายที่สดใส แต่อุบัติเหตุร้ายแรงก็ทำให้เขาเกิดความเจ็บป่วยทางจิตใจตั้งแต่อายุน้อย ตอนนี้ในวัยปลาย 20 ซัง รียอง มีสมองและความคิดของเด็กวัย 6 ขวบเท่านั้น หลังจากพ่อแม่เสียชีวิต ซัง รียอง ทำทุกอย่างที่จะทำได้เพื่อที่จะดูแล
จี อิน (Jee-in) น้องสาวของเขา เขามีอาชีพทำขนมปังปิ้งขายหน้าโรงเรียนของน้องสาว ช่วงเวลาที่เขามีความสุขที่สุดในแต่ละวันคือตอนที่เขาเห็นน้องสาวเดินเข้า โรงเรียน ส่วน จี อิน เธออับอายที่มีพี่ปัญญาอ่อน และเกลียดตอนที่เขาโบกมือให้เธอบนถนน หรือแม้แต่การต้องอยู่ในห้องเดียวกัน
ซัง รียอง อาจจะโง่เขลา แต่เขาไม่เคยลืม
จิ โฮ ( Ji-ho) รักในวัยเด็กของเขาเลย ทุกๆ คืนตลอดสิบปีที่ผ่านมา ซัง รียอง จะปีนขึ้นไปบนเขาเพื่อมองดูเมืองทั้งเมืองจากบนนั้น จากที่นี่ เขาร้องเพลง ทวิงเคิล ทวิงเคิล ลิทเทิล สตาร์ Twinkle Twinkle Little Star ด้วยใบหน้าที่เปี่ยมไปด้วยรอยยิ้มอันสว่างไสว เฝ้ารอคอย จิโฮ กลับจากเรียนต่างประเทศ ด้วยความที่ไม่สามารถเอาชนะความตื่นกลัวเวที จิโฮ กลับมาเกาหลีหลังจากที่เธอไปเรียนเป็นนักเปียโนคอนเสิร์ตที่ต่างประเทศ วันที่เธอกลับมา แม้ว่าเวลาจะผ่านไปสิบปี ซัง รียอง จดจำเธอได้ในทันที เขาดีใจมาก แม้ว่า จิ โฮ จะจำเขาไม่ได้ในตอนแรก แต่เธอก็ค่อยๆ จดจำวันวานในวัยเยาว์และได้พบถึงความสบายในความอบอุ่นของ ซัง รียอง Sung-ryong จากการที่เขาติดตามเธอไปทั่วเมือง และในตอนนี้เขามีทั้งน้องสาวและได้พบกับคนที่เขารักที่เฝ้ารอมานาน รอยยิ้มของ ซัง รียอง ก็ยิ่งสดใสมากขึ้นกว่าที่เคยเป็น
ตอนที่ จี อิน ถูกพบว่าเป็นโรคที่เกี่ยวกับไตซึ่งจะสามารถรักษาโดยการปลูกถ่ายไตเท่านั้น ซัง รียอง มีความสุขที่จะเป็นผู้บริจาคไตของเขาให้กับเธอ แต่เขาก็รู้สึกสับสน และเป็นทุกข์ว่าทำไมเขาถึงไม่สามารถช่วยน้องสาวตัวเองได้ แล้ว
แซง ซู (Sang-soo) เพื่อนสนิทที่ดีที่สุดของเขาก็ยื่นมือเข้ามาเสนอบริจาคไตเพื่อช่วยชีวิต จี อิน เหมือนกับเด็กตัวเล็กๆ ซัง รียอง กระโดดด้วยความดีใจ แซง ซู เป็นเพื่อนนักเรียนสมัยประถมของ ซัง รียอง เป็นคนดุหยาบกระด้างเมื่อได้เห็นในตอนแรก แต่ แซง ซู เป็นคนที่มีจิตใจที่อ่อนโยนอย่างลึกๆ ข้างใน และให้ได้ทั้งใจกับ ซัง รียอง
ในขณะที่ จี อิน เป็นโรคร้าย และ จิ โฮ ก็ยังคงไม่สามารถเอาชนะความพ่ายแพ้ต่อความกลัวเวที ในฐานะนักเปียโน แซง ซู ก็ได้เข้าไปพัวพันในสถานการณ์อันตรายที่ทำให้ชีวิตเขาตกอยู่ในอันตราย ท้ายที่สุด ซัง รียอง คนปัญญาอ่อนก็จัดการแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นในแบบที่ไม่มีใครเคยเห็นมาก่อน
รักไข่ : โดยในส่วนตัวผมที่ได้ดูมา ผมชอบมากกับหลายๆจุดในหนังเรื่องนี้ อันว่าด้วยเรื่องเนื้อหา นักแสดงที่คัดหามาได้ลงตัวมาก สถานที่ มุมกล้อง ซึ่งทุกครั้งก่อนที่ผมจะดูหนังเรื่องอะไรนั้น ผมจะไปอ่านเรื่องย่อรึบทความใดๆเกี่ยวกับหนังเรื่องนั้นเลย พอเรามาดูจริงและจะได้ปล่อยอาร์รมณ์ในการดูหนังเรื่องนั้นอย่างที่สุด ไม่มีการคาดหวังจากหนัง มี 3 - 4 ฉากที่ทำให้ผมร้องไห้ได้ ฮ่าๆๆๆ แต่ไอพวกฉากนั้น เพื่อนผมที่ดูมันบอกว่าเฉยๆ แต่ก็นะ ฉษกที่ผมร้องมันไม่น่าให้ร้อง แต่มันเผอิญเป็นคำพูดเดียวกันกับที่เคยได้ยินจากปากของคนๆนึง นื้อเรื่องการรอ 10 ปีมันก็คล้ายๆกัน มันเลยทำให้หนังเรื่องนี้โดนใจผมอย่างมาก จุดเด่นที่หนังเรื่องนี้จะสื่อให้ทุกคนได้ดู และเข้าร่วมความรู้สึกของตัวละครได้ ผมคิดว่าเป็นรอยยิ้มของคนบ้า เป็นรอยยิ้มที่ปราศจากการเสรแสร้ง เมื่อเขายิ้มแล้ว คนรอบข้างก็อยากจะยิ้มตามกับเขา(ผมว่าเฉพาะแค่คนบ้าบางคนนะ แถวบ้านผม มันยิ้มและอยากวิ่งหนี =___=") ส่วนความเป็นหาของเนื้อเรื่อง เนื้อหา ตัวละคร ผมคิดว่าค่อนข้างลงตัว ทว่าผมไม่เคยได้อ่านฉบับเต็มๆที่เป็นนิยายทางอินเตอร์เน็ตเหมือนกัน เลยไม่รู้ว่าเนื้อเรื่องเต็มเป็นไงหนอ อยากให้มีแบบภาษาไทยจังเลยครับ จะได้ติดตามอ่าน..... แต่ในฉากที่จิโฮได้กลับมานั้น และเหมือนว่าลืมเรื่องราวในตอนเด็ก หรือว่าจำได้แค่ว่าเคยเล่นเปียโน เคยเรียนโรงเรียนนี้ แต่จำเพื่อนคนเก่านี้ไม่ได้(รึว่าอาจไม่ใช่เพื่อนเลย) ผมก็ไม่อาจเข้าใจได้ว่า ลืมจริงรึป่าว เพราะผมเป็นผู้ชาย (ผู้หญิงคนนั้นก็ลืมผมตอนเด็กเช่นกัน ฮ่าๆๆๆ) ในฉากที่น่าประทับใจผม เริ่มตั้งแต่ฉากที่จิโฮได้พบกับซังรียองครั้งแรก ซังรียองได้นั่งคอยบนเนินสูง ที่สามารถมองได้ทั่ว... ซึ่งดูแล้วอาจไม่เอะใจว่านั่งทำไม และมาได้รู้ตอนหลังว่ามานั่งรอแบบนั้นทุกวันเป็นเวลา 10 ปี ซึ่งก็เป็นจุดเริ่มต้นของเรื่องที่น่าดูซะแล้วครับ ซึ่งมุมกล้อง การแสดง มันเข้าได้ดีกันทุกส่วนเลย(ผมคิดว่านะ) ต่อมาในฉากที่ซังรียองไม่กล้าสบตาและไม่เอาหน้าตัวเองให้จิโฮเห็น ด้วยเหตุผลบางประการที่ตัวเขานั้นยังจำได้ดี แต่จิโฮนั้นลืมไปแล้วเพราะมันเป็นเรื่องไม่น่าใส่ใจ แต่ซังรียองก็ใส่ใจมาโดยตลอด โดยเรื่องราวตอนเด็กนั้นเป็นตัวพลิกผันของเรื่องราวตอนโตทั้งหมด ด้วยเหตุที่ซังรียองปกปิดเรื่องที่เพื่อนเขา แซงซูนั้นได้ทิ้งก้นบุหรี่ใต้เปียโนของที่ทางพ่อจิโฮบริจาคมาให้ทางโรงเรียน ทำให้ไฟไหม้เปียโนนั้นพัง และก็มีคนบอกว่าเห็นซังรียองเข้าชอบเข้ามาบ่อย ๆ เลยทำให้ซังรียองโดนพบผู้ปกครอง และได้ออกจากโรงเรียนนั้นไป แซงซูจึงรักเพื่อนคนนี้มาตลอด ทำให้เมื่อน้องสาวป่วย ซังซูจึงบริจาคไตให้ ทำให้น้องสาวซังรียองรอดมาได้ ซึ่งมันก็เป็นผลพวงมาจากตอนเด็กนั่นเอง และฉากที่ประทับใจผมอีกก็ฉากที่วิ่งเข้าไปในโรงเรียนและอุ้มน้องจะไปโรงพยาบาล และได้บอกกับคุณครูว่า "ผมเป็นพี่ชายคนโตของเธอ เธอเป็นน้องสาวคนเล็กของผม" ผมว่าฉากนี้คงเรียกน้ำตาจากคนดูได้หลายคนเช่นกัน และตอนที่หมอที่รักษานั้น ได้บอกกับน้องสาวที่ชื่อจีอินซึ่งไม่ชอบพี่ชายตัวเองเลยเพราะเป็นบ้า ได้รู้เรื่องราวจากหมอที่รักษา ว่าทำไมพี่ชายถึงได้ทำงานหนักขนาดนั้นตั้งแต่เด็ก ตอนนี้ผมร้องไห้ออกมาเลย เศร้าสุดๆ ทั้งอารมณ์นักแสดง คำที่หมอได้บอก ภาพเหตุการณ์ที่เคยเกิด การกระทำที่น้องสาวได้เคยทำไว้ ถ้าใครมีความรู้สึกแบบน้องสาวนั้น คงจะร้องไห้ได้ออกมาเยอะเลยล่ะ พอมาถึงตอนซังรียองไปเก็บของเพื่อจะมานอนที่โรงพยาบาลกับน้องสาว ซึ่งแต่ก่อนนั้นน้องสาวไม่ให้แม้แต่จะเข้าห้องนอนของตัวเอง แต่พอได้รู้ความจริงจากปากหมอ จีอินที่เป็นน้องสาวก็ได้มีความคิดที่ดีต่อพี่ชายมากขึ้น ระหว่างที่เก็บของเสร็จ เพื่อจะได้ไปโรงพยาบาล กลางดึกนั้นก็มีคนที่ได้รับคำสั่งมาทำร้ายคนที่ชื่อแซงซู มีผ้าพันแผลที่มือขวา ซึ่งซังรียองก็มีผ้าพันแผลเช่นกัน ระหว่างที่กำลังเดิน ก็มีคน 2 คนเรียกแซงซู ซึ่งเป็นชื่อเพื่อนเขาเองที่บริจาคไตให้น้องสาว แต่ซังรียองก็หันมายิ้ม แค่การยิ้มนี้ ผมว่าผู้กำกับทำให้สื่อได้หลายอย่างในความเป็นหนังนี้ และเป็นคำตอบของชายคนบ้านี้ได้อย่างดีเลย เขายิ้มตลอด เพราะเขาได้ดีใจที่น้องสาวจะรอด ไม่ได้ตายไปเหมือนแม่ เขาจึงยิ้มอย่างไม่มีอะไรเสรแสร้ง แต่ยิ้มมาจากใจ แต่ก็ไม่ได้ตอบไปกับคน 2 คนนั้นว่าตัวเองเป็นใคร เป็นแซงซุเหรอไม่ เขาได้แต่ยิ้ม และฉากก็ตัดมาตอนที่ซังรียองเดินโซเซ เลือกท่วมหัว ผมว่าเป็นการสื่อที่ดีกว่า ให้เห็นว่าซังรียองคนบ้านั้นได้โดนทำร้ายอย่างไร ทำให้หนังน่าดูมากขึ้น บางทีไม่ต้องสื่ออะไรให้คนดูโดยละเอียด แค่ทำให้คนดูคิดตามหน่อย และให้หนังน่าดูมากขึ้นก็ดีที่สุดแล้ว(ผมว่านะ) และในคืนนั้นซังรียองก็ได้ตายลงไป แต่เขาก็ดีใจมาก ที่เพื่อนของเขาไม่เป็นอะไร เพื่อที่จะได้บริจาคไตให้น้องสาวเขาได้ และฉากสุดท้ายที่ประทับก็คือตอนที่น้องสาวมานั่งร้องให้คนเดียว ในห้องพี่ชายซึ่งตอนนี้ทั้งบ้านเหลือแค่ตัวน้องสาวคนเดียว น้องสาวได้แหงนไปมองบนเพดาน และได้เห็นกระดาษแปะไว้บนเพดาน ซึ่งซังรียองตื่นมาทุกเช้า จะอ่านมัน และก็ปฏิบัติตามนั้น จนท่องจำได้ขึ้นใจเป็นอย่างดี ว่าตื่นมาต้องทำอาหารให้น้องสาว ถึงแม้น้องสาวไม่เคยกินของที่เขาทำเลย และต้องทำเบาๆอย่าให้ตื่น เขาก็ปฏิบัติอย่างนี้มาโดยตลอด โดยที่คนบ้านั้นไม่รู้ว่าใครรู้สึกเกลียดเขายังไง แต่เขาแค่รู้สึกรักทุกคนรอบๆตัวเขา ทำให้เขาปฏิบัติอย่างนั้นได้ตลอด มุมกล้องในฉากนี้ ไม่จำเป็นต้องถ่ายให้รู้ว่ากำลังอ่าน รึว่ากำลังมองเจออะไร แต่เขาถ่ายให้เห็นเหมือนว่า สายตาคนมองไปทีกระดาษบนเพดาน และสายตาที่กระดาษมองลงมายังน้องสาว ซึ่งเป็นมุมกล้องที่ไม่ต้องถ่ายทั้งน้องสาวและกระดาษให้เห็นอยู่ในภาพเดียวกัน ว่าน้องสาวกำลังมองอยู่นะ แต่แค่สื่อให้เห็นเป็นแนว และมาคิดต่อ จะรู้สึกได้ดีถึงอารมณ์มากกว่า............ ชอบมากครับ ถ้าให้เต็ม 100 คะแนน ผมขอให้สัก 96.5 คะแนนเลยครับ (ปล. นางเอกน่ารักด้วยครับ)
เจ็กเลี้ยว : หนังทำออกมาไม่เลว ดำเนินเรื่องไปแบบ เนิบๆ เหมือนมีคนเหนือมาอู้ให้ฟัง
จบแบบ sad ending มีฉากกระชากอารมณ์อยู่ 2 ฉากมั้ง
จุดบอดของหนังเรื่องนี้มีหลาย ตำแหน่งเหมือน จุดดับบนดวงอาทิตย์
จุดดับที่ 1 ทำไม ! ทำไม! นางเอกต้องทำตัวเหมือนคนจำความไม่ได้
ทั้งที่ในหนัง ไม่ได้มีอารัยทำให้พอเชื่อได้ว่า นางเอก เหมือนจะลืม เรื่องราวในอดีต
ซึ่งตรงนี้ หนังเหมือนจะทำให้เป็น จุดเด่นในเรื่อง แต่กลับทิ้งมันไปกลางคัน ซะอย่างนั้น
จุดดับที่ 2 แล้วอารัยหล่ะ ที่เกิดขึ้นหลังจาก ไอ้เจ้าของร้านสั่งได้ฆ่าพระเอกไป คุณพี่ช่วย ทำให้กระผม
สะใจหน่อยได้มั๊ย กับการกระทำของมัน อาจจะโดนชาวบ้านรุมกระทืบ โดนรถสิบล้อเหยียบสมองเละ
อารัยก้อว่าไป อย่าให้มันค้างเติ่งอย่างนี่สิ
จุดดับที่ 3 ทำไมน้องสาวพระเอกต้องเก็บรองเท้าไว้ในห้องเล็กๆข้างบ้าน เพื่ออารัย จะสื่ออารัย รักพี่แต่ไม่แสดงออกหรอ ไม่นะ
เสียดายหรอ ไม่นิ อาหารทิ้งไว้ตั้งหลายมื้อ แล้วเก็บไว้ทำไม รองเท้าเก่าๆ งง
จุดดับที่ 4 ทำไมนางเอกต้องเกลียดเปียโน
แม้ข้อด้อยอาจจะมีอยู่บ้าง
แต่หนังเรืองนี้ สื่ออารมณ์ได้ดีมากก นางเอกก้อสวย
มีหลายๆฉาก ที่ทำให้เรารู้สึกมีอารมณ์ร่วมได้ บวกกะความเป็นมืออาชีพของนักแสดง
คนมีน้องสาวควรดู คนมีพี่ชายควรแล คนมีแม่ควรเบิ่ง คนมีพ่อคนหามาเก็บไว้ คนมีแฟนเอาเวลาไปดูเรื่องอื่นเหอะ 555+
ความชอบส่วนตัว : 80% (บวกอีก 5% จากความสวยของนางเอก เอาไป 85%)
ทำไมต้องดู : มีฉากบีบเค้นอารมณ์ อยู่ด้วย ให้ความรู้สึกถึงความรักของพี่ ต่อน้องได้ดีมากๆๆๆๆๆๆๆๆๆ